กรรมคือ การกระทำ ไม่ว่าจะดี หรือเลว มันก็คือกรรม
เพียงแต่ว่าถ้าทำดี ก็เป็นกรรมดี ถ้าทำชั่ว ก็เป็นกรรมชั่ว หรือที่เราเรียกกันว่า "บาป"
และคำๆ นี้มันจะติดตัวคุณไปจนกว่าคุณจะใช้กรรมหมด เพราะโลกนี้ไม่มีคำว่า "ทำบุญล้างบาป"

หน้าแรก | หลักธรรม | แก้กรรม | บาป | บทสวด

วันพฤหัสบดี

นรก อยู่ไหน

บาป กรรม ที่ไหน.. นรก

ทุกคนคงไม่คิดว่านรกจะมีจริงใช้ไหม แต่มีคนอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยไปถึงนรก ทั้ง ๆ ที่เค้ายังไม่ถึงคาด จะว่าไปก็อาจจะไม่ค่อยมีคนเชื่ออีกเช่นเคย คนเราจะเคยได้ยินแต่ "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" มันก็คงจะจริงเหมือนกันนั่นแหละ เพราะ"ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว" แต่จะมีสักกี่ึคนที่จะรู้แจ้งเห็นจริงกับเรื่องราวของนรก คุณคงเคยเห็นว่านรกหน้าตาเป็นอย่างไร อย่างเช่นในหนังในละครได้นำมาเผยแพร่กัน คือต้องมีต้นงิ้ว มีกระทะทอง มีนกเหล็ก มีคนถือหอกคอยทิ้มแทง อะไรประมาณนี้

แต่อันที่จริงนั้นนรกน่ากลัวกว่าที่เราได้เห็นทางทีวีกันมากกว่า เพราะคนที่เคยไปถึงนรกนั่นได้นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะให้เรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายได้กลัวเกรงต่อบาป กรรม กันบ้าง ไม่มากก็น้่อย เพราะการถ่ายทอดของเค้าเป็นการที่เค้าอยากให้เราทั้งหลายสร้างบุญกุศลเอาไว้ให้มาก ๆ เมื่อตายไปแล้วเราจะได้ไม่ต้องตกนรก แต่การขึ้นสวรรค์นั้่นยังไม่มีใครเคยมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟังน่ะ

เรื่องของบุคคลลนนี้ที่ไปนรกนั้น ก็ไม่มีใครหรอกจะคาดการณ์ได้ว่าเค้าได้ไปนรกมาจริง ๆ แต่การยืนยันนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่น่าเชื่อได้ และัอีกอย่างบุคคลคนนี้เป็นคนที่ไม่เคยโกหก และเป็นผู้ที่มีจิตใจเป็นกุศลด้วย

เริ่มเรื่องเลยดีกว่า

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า นรกนั้นใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว เพราะอะไรนั่นเหรอ ก็เพราะเมืองมนุษย์ กับเมืองนรกเป็นภพคนละภพกัน การเดินทางเลยไม่เหมือนเช่นในเมืองมนุษย์ เรื่องก็มีอยู่ว่า มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีอาชีพทำนา ครอบครัวนี้จะมีกันเพียง 3 คนเท่านนั้น คือ พ่อ แม่ และลูกสาวอีกคนเท่านั้น ในทุก ๆ วันครอบครัวนี้ก็จะมีหน้าที่ออกไปทำนา ทำสวนตามปกติ คือ เช้าตอนประมาณตี 4 ก็จะออกเดินทางจากบ้าน ซึ่งกว่าจะถึงท้องนาก็ประมาณ 20 กิโลเมตรได้ ผู้เป็นแม่จะมีหน้าที่ในตอนเช้าเพื่อเติมอาหารนำไปกินที่นาด้วย พวกเค้าจะทำแบบนี้ในทุก ๆ วันไม่มีเว้น เพราะข้าวในนาก็คือเงินที่พวกเค้าจะนำมาเลี้ยงชีพนั้นเอง

ทุกอย่างของชีวิตทั้งสามก็ดำเนินมาแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมาถึงวันหนึ่ง ในวันนั้นไม่มีใครคาดคิดได้เลยว่าแม่ที่รักของเค้าจะได้พบยังนรกมา ก่อนที่แม่ของเค้าจะได้ไปนรกนั้น แม่ของเค้าก็ทำภาระกิจเหมือนเดิม ๆ แต่พอเวลาใกล้เที่ยงซึ่งวันนั้นอากาศร้อนมาก เรียกว่าร้อนอย่างผิดปกติเลยทีเดียว ทุังสามก็ได้ทำนากันตามปกติ แต่แล้วจู่ ๆ แม่ก็ได้เป็นลมล้มพับลงไป ซึ่งพ่อ กับลูกสาวตอนนั้นได้อยู่ห่างจากผู้เป็นแม่แต่ก็ไม่ไกลเกินไปนัก ในขณะนั้นพ่อก็ได้หันมามองที่แม่ ซึ่งตอนนี้แม่ก็ได้ล้มลงไปกับพื้นนาเสียแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงร้องเรียกลูกสาวให้มาดูแม่ แต่พ่อได้มาถึงตัวแม่ก่อนและได้ตะโกนบอกลูกสาวว่า "แม่เป็นอะไรไม่รู้" ลูกสาวรีบวิ่งมาดูอาการของแม่ และได้ช่วยกันนำแม่ไปไว้ยังใต้ต้นไหม้ใหญ่ที่อยู่เลยไป ทั้งคู่ก็ได้พยายามทำให้แม่พื้น แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ผู้เป็นแม่ไม่มีลมหายใจแล้วในขณะนี้

ลูกสาวได้บอกกับพ่อว่า "แม่ไม่หายใจแล้ว" และทั้งคู่ก็นั่งร้องไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น และเมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ผู้เป็นแม่ได้มาอาการขยับตัวและลืมตามามองหน้าลูก และสามี และบอกว่า "ฉันได้ไปเมืองนรกมา" แต่สามีห้ามไม่ให้พูดอะไร แล้วทั้งสามก็พากันกลับบ้าน ไปรักษาอาการของแม่ แต่ก็แปลกที่เมื่อแม่รู้สึกตัวขึ้นมา แม่ไม่มีอาการใด ๆ เลยนอกจากรู้สึกอ่อนเพลียไปเท่านั้น

พอรุ่งเช้าทั้งสามได้มานั่งคุยกัน และแม่เริ่มที่จะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่แม่กำลังทำนาอยู่นั้นแม่มีอาการหน้ามืด และเป็นลมไป และรู้สึกมีลมเย็น ๆ มาปะทะกับตัว และมีผู้ชายคนหนึ่งมารับตัว เค้าแนะนำตัวเองว่า เค้านั้นเป็นยมทูต และลูกสาวได้ถามแม่ว่า แม่จำได้ไหมว่าเป็นยังไงต่อ แม่เค้าก็ตอบไปว่า

ผู้ชายคนนั้นได้พาแม่เดินทางมาเรื่อย ๆ กับเค้าจนมาถึงถ้าแห่งหนึ่งซึ่งที่ถ้ำนั้นมืดมาก ๆ จนแม่ไม่กล้าที่จะเข้าไป แต่สักครู่ก็ได้มีแสงสว่างขึ้นมา ซึ่งแสงนั่นไม่ใช้แสงธรรมดา แต่เป็นแสงสีทองอร่าม และแม่ก็ตื่นตาตื่นใจมาก แต่แม่ก็ต้องตกใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะแม่ได้เห็นผู้คนที่อยู่ในถ้ำมากมายเหลือเกิน ทุกคนแต่งชุดสีขาว และท่านยมทูตได้ตอบให้ฟังว่า "คนพวกนี้คือวิญญาณที่รอไปเกิด ก็เลยมารออยู่ที่ปากถ้ำ" จากนั้นท่านยมทูตได้พาเดินไปอีกสักครู่ และมาถึงห้อง ๆ หนึ่งท่านบอกให้นั่งลง และก้มหน้าลงด้วย แม่ได้ถามว่าให้นั่งทำไม ยมทูตตอบว่า "ให้นั่งรอท่านพญามัจจุราช" พอได้ยินเท่านั้นแม่ยิ่งกลัวไปใหญ่เลย แม่จึงนั่งก้มหน้าไม่ยอมเงยเลยเป็นเด็ดขาด แต่พอแม่นั่งอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงที่ดังก้องกังวาน ก็ทำให้แม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะ "แม่เห็นท่านพญายม นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สูงสง่า พร้อมกับมีคนอีก 2 คนยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวท่าน และมีผู้ชายตัวใหญ่อีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ท่านพร้อมกับสมุดโน้ตเล่มใหญ่ 1 เล่ม อ้อแต่หน้าตาของท่านพญามัจจุราชไม่ดุเลยน่ะ หน้าตาท่านก็คล้ายกับคนเราทั่ว ๆ ไปนั้นแหละ

แต่เรื่องยังไม่มีแค่นี้ เพราะท่านพญามัจจุราชได้พูดกับแม่ว่า "แม่เป็นคนที่ทำำบุญไว้มาก และที่สำคัญแม่ยังไม่ถึงที่ตาย" แต่แม่ไม่สามารถรู้เวลาที่แม่อยู่ในนรกได้ว่านานเท่าไร แต่เมื่อท่านพญามัจจุราชท่านบอกว่าแม่ยังไม่ถึงที่ตาย แม่ก็ดีใจ และท่านยังบอกอีกว่าถ้าแม่ได้กลับขึ้นไปยังเมืองมนุษย์แล้ว ให้หมั่นทำบุญให้มาก ๆ และให้นำเรื่องราวในนรกไปเผยแพร่ให้มนุษย์บนโลกได้รับรู้กันบ้างน่ะ และก่อนที่เจ้าจะได้กลับขึ้นไปบนโลกมนุษย์ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าการทำบาป ทำกรรม จะได้รับโทษอย่างไรบ้าง

ท่านพยายมได้เดินทางเพื่อมาส่งแม่ที่โลกมนุษย์ แต่ระหว่างทางท่านได้พาไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่เห็นคือ มีต้นงิ้วสูงใหญ่ และมีคนปีนขึ้นไปบนต้นงิ้ว โดยที่คนเหล่านั้นไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่เลย พวกเค้าต้องปีนไปถึงยอด แต่พอถึงยอดต้นงิ้วก็จะมีอีกาจิก และพวกเึค้าก็จะปีนลงมาข้างล่าง ซึ่งด้านล่างก็จะมีผู้ชายถือหอกไว้ทิ้มแทงอีก และคนพวกนั้นจะร้องแบบเจ็บปวดทรามานมาก อ้ออีกาทีอยู่ข้างบนไม่ได้จิกธรรมดาน่ะ แต่จิกลูกตา เมื่อแม่เล่ามาถึงตอนนี้แม่ก็เกินอาการอาเจียนออกมา และท่านยมทูตได้บอกกับแม่ว่า คนพวกนี้ที่ต้องปีนต้นงิ้วก็เพราะ "ผิดลูกผิดเมีย เป็นชู้กับชาวบ้าน" จึงต้องชดใช้กรรมอย่างที่เห็น

และนี้ก็เป็นเรื่องราวที่คน ๆ หนึ่งได้ไปยังเมืองนรก ซึ่งเป็นเมืองที่คนเราอาจจะต้องไปกันทุกคนถ้าได้กระทำกรรมชั่วไว้มาก แต่การกระทำนั่นยังไม่สายจนเกินไป ให้เรามาทำบุญกันไว้มาก ๆ ดีกว่า แล้วผลบุญก็จะกลับมาหาตัวท่านเอง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น